เทศน์เช้า วันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะ ตั้งใจฟังธรรมนะ เราฟังธรรม เราตอกย้ำทุกวันพระๆ ทุกวันเสาร์อาทิตย์ เพื่อฟังธรรมๆ ฟังธรรมเพื่อตอกย้ำในหัวใจ มันยอมรับความจริง สัจจะธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นความจริง
พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก มันเป็นความจริงๆ แต่คนเราเวลาเกิดมาแล้ว เช้าขึ้นมาทำหน้าที่การงานอย่างใด กลางวันมีหน้าที่การงานอย่างใด ตกค่ำมามีหน้าที่การงานอย่างใด
ความจริงๆ พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตกเป็นความจริง แต่ชีวิตเราไง ชีวิตเรา เราจะปรับปรุงชีวิตของเราอย่างไร เราจะทำชีวิตของเราให้เจริญงอกงามขึ้นมาได้อย่างไร เราจะทำคุณงามความดีได้อย่างไร
ถ้าคุณงามความดี คุณงามความดีระหว่างคุณงามความดีของโลก ถ้าพ่อแม่ลูกเรามีหน้าที่การงาน ลูกมีความสุขมันก็เป็นความพอใจของเราแล้ว
แต่จิตใจของเราๆ ถ้าจิตใจของเราจะมั่นคงแค่ไหน จะถึงเวลาแล้วมันต้องพลัดพรากทั้งสิ้น ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด แล้วชีวิตของเรามีสิ่งใดเป็นสมบัติของเรา
เพราะการเกิดนี้เกิดโดยบุญกุศล ถ้าไม่มีบุญกุศลนะ จิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ จิตนี้ไม่มีเว้นวรรค ความรู้สึกมันมีตลอดเวลา ความรู้สึก ความรู้สึกอันนี้ ใครทำลายความรู้อันนี้ไม่ได้
ถ้าความรู้สึกอันนี้ ถ้าเป็นความรู้สึกที่ดีงามๆ คนเราเกิดมามีสติสัมปชัญญะ เราประกอบสัมมาอาชีวะของเรา เราทำหน้าที่การงานของเรา เรารักษาชีวิตของเรา เรามีสติปัญญาเท่าทันความคิดของเรา เราจะมีความสุขๆ ของเรา
แต่ถ้าคนเรามันมีแต่ความบีบคั้นในหัวใจไง หัวใจมีแต่ความโลภ มีแต่ความล้นฝั่งในหัวใจ มันทำสิ่งใดมันไม่เคยพอใจสักอย่าง ทำสิ่งใดแล้วมันมีแต่จะปากกัดตีนถีบ แล้วมันยังทำลายตัวมันเอง ทำลายหัวใจของตัวเอง มันยังมีความทุกข์ๆ ไปทั้งนั้นน่ะ
คนเราเกิดมามีกายกับใจๆ ถ้ามีร่างกายกับใจ สุขภาพกาย สุขภาพจิต ถ้าสุขภาพกายที่แข็งแรง คนเราเกิดมา ในสถิติของกระทรวงสาธารณสุข คนพิการในเมืองไทยมีล้านกว่าคน คนที่พิการเป็นล้านกว่าคนนะ ไอ้คนที่ต้องนั่งรถวีลแชร์ต่างๆ เป็นล้าน
แต่คนที่เป็นล้าน ถ้าเขาเกิดมาเขามีอุบัติเหตุ เขาเกิดมาโดยความพิการของเขา ไอ้นั่นมันก็เป็นเวรเป็นกรรมของสัตว์ ถ้าเป็นเวรเป็นกรรมของสัตว์ แต่คนเราเกิดมา คนพิการที่จิตใจเข้มแข็งก็มี คนพิการที่จิตใจเขาอ่อนแอที่เขาไม่สู้ชีวิตก็มี สิ่งต่างๆ สิ่งที่กายกับใจๆ
สุขภาพกาย สุขภาพที่แข็งแรง คนเรามีสุขภาพที่แข็งแรง คนเราเกิดมาตั้งแต่วัยทำงาน วัยทำงานเป็นวัยที่ลุกคล่องตัวมาก ตั้งแต่วัยเด็กมา เด็กมาต้องหัดคลานหัดเดิน กว่าจะเดินได้ กว่าจะวิ่งได้ เวลาคนแก่ชราภาพแล้วมันก็กลับไปคลานเหมือนเดิมนั่นน่ะ เวลาไปคลานเหมือนเดิม ไปไหนก็ต้องคลานเอาๆ เพราะอะไร เพราะมันชราคร่ำคร่า นี่ไง สุขภาพกายๆ ขณะที่ร่างกายที่มันกำลังแข็งแรงอยู่นี่ เราทำสิ่งใดแล้วทำเพื่อประโยชน์กับเราๆ นะ
ถ้าใครมีสติปัญญา ถ้าใครจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เวลาร่างกายแข็งแรงทำให้มันจริงจังๆ ขึ้นมา เวลามันผ่านไปแล้วจะมาเสียดายทีหลังๆ แต่เวลาเสียดายก็เสียดายเฉพาะชีวิตนี้ไง ถ้าเสียดายชีวิตนี้ ชีวิตนี้เสียดายแล้ว ชาติต่อไปก็จะมาเสียดายอีก ชาติต่อไปก็จะมาเสียดายอีก เสียดายซ้ำเสียดายซากอยู่นี่
จิตนี้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ บุพเพนิวาสานุสติญาณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่มีต้นไม่มีปลาย ไม่มีต้นไม่มีปลาย ใครจะเชื่อ ใครจะคัดค้านอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ของบุคคลคนนั้น
แต่คนที่เขามีศรัทธามีความเชื่อของเขานะ แต่ละภพแต่ละชาติเราพยายามทำของเรา ทำคุณงามความดีของเรา ทำคุณงามความดีของเรา แล้วถ้าภพชาติมันไม่มี ชาติปัจจุบันนี้เราก็ทำคุณงามความดีของเรา ถ้าคนที่ทำคุณงามความดีมันมีบารมีนะ
คนที่ไม่เคยทำคุณงามความดีอย่างไร แต่ถ้าคุณงามความดีในเล่ห์เหลี่ยมนั้นเขาก็รู้ทันๆ ทั้งนั้นน่ะ ถึงเวลาแล้วพอเขารู้ทันแล้วมันหมดค่าทั้งสิ้น นี่สุขภาพกาย
สุขภาพจิต สุขภาพจิตที่ดีงามๆ ไง สุขภาพจิต เราจะดูแลหัวใจของเราได้อย่างไร คนเรามีกายกับใจๆ เริ่มต้นขึ้นมา สิ่งมีชีวิตต้องมีหัวใจ มีความรู้สึกอันนี้ถึงมีชีวิต เวลาจิตใจนี้ออกจากร่างนี้ไป สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต สิ่งที่ไม่มีชีวิตเขาเอาไปเผาทิ้งไง เวลาซากศพไม่มีใครเก็บไว้หรอก กลัวผีทั้งนั้นน่ะ
แล้วกายกับใจๆ แล้วใจมันอยู่ไหนล่ะ
ในทางวิทยาศาสตร์ จิตแพทย์ๆ คนเราเวลาผิดปกติเขาก็ไปหาจิตแพทย์ จิตแพทย์ก็รักษา รักษาอาการผิดปกติของจิตนั้น พอกลับมาก็เป็นปกติเท่านั้นน่ะ
แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านมีอำนาจวาสนาบารมี ทุคตะเข็ญใจขนาดไหน ถ้ามีศรัทธาความเชื่อ ถ้าจิตใจเขามีความสงบมีความสุขขึ้นมา
เวลาเราเห็นครูบาอาจารย์ เวลาครูบาอาจารย์ท่านบวชตั้งแต่เป็นเณรมา ตั้งแต่เป็นเณรมา บวชมาอยู่ในศีลในธรรม มันจะมีความสุขที่ไหน มันจะมีความสุขที่ไหน เวลาถ้าไม่มีความสุข ถ้ากิเลสมันบีบคั้นขึ้นมามันก็มีความทุกข์ของมันเหมือนกัน
พระก็มาจากคน คนก็มีความรู้สึกนึกคิด พระก็มีความรู้สึกนึกคิดทั้งนั้น แต่เวลาพระที่ประพฤติปฏิบัติขึ้นมา ถ้าจิตมันสงบ นั่นน่ะ สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี
พอจิตสงบแล้วนะ อู้ฮู! มันมีความสุขความสงบระงับทั้งสิ้น แล้วถ้ามันมีอย่างนี้แล้ว เป็นการยืนยันว่าธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีจริง เวลาจะประพฤติปฏิบัติขึ้นมามันจะดูแลหัวใจของตน ศีล สมาธิ ปัญญา
ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าเกิดภาวนามยปัญญาขึ้นมามันเกิดความมหัศจรรย์ มหัศจรรย์มาก เวลาจิตสงบแล้วถ้ามันจับสติปัฏฐาน ๔ ได้ตามความเป็นจริง แล้วมันวิปัสสนาด้วยปัญญาของมันน่ะ เวลาปัญญามันหมุนไป มรรคมันหมุนไป มรรคมันเคลื่อนไป ผู้ที่รู้ที่เห็นมันจะเกิดขนพองสยองเกล้า มันจะเกิดความมหัศจรรย์ ความมหัศจรรย์ของมรรค ความมหัศจรรย์ของปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการภาวนา ปัญญาที่ไม่ใช่เกิดจากการศึกษา การศึกษา ท่องจำแล้ว ท่องจำจนหัวผุมันก็ยังจะลืม
เวลาเกิดปัญญาขึ้นมามันเกิดเอง เกิดขึ้นมา เวลามันเกิดขึ้นมาโดยความเพียร โดยความเพียร ความวิริยอุตสาหะ เวลามันขึ้นมามันเกิดความมหัศจรรย์ ความมหัศจรรย์นั้นมันเป็นการยืนยันในหัวใจดวงนั้นไง
ถ้าเป็นการยืนยันในหัวใจดวงนั้น มันมหัศจรรย์ขนาดนั้นน่ะเวลาเกิดภาวนามยปัญญา ปัญญาที่มันเกิดขึ้นจากการภาวนา มันเห็นความมหัศจรรย์อย่างนั้น มันภาวนาอย่างนั้น แล้วเวลามันอยากได้อยากดีอีกมันก็เสื่อม
เวลาคนที่ว่ากายกับใจๆ แล้วใจมันเป็นอย่างไรล่ะ ใจมันเป็นอย่างไร ถ้าใจเป็นอย่างไร เห็นไหม
การศึกษาทั้งหมดส่งออก การส่งออกขึ้นมามันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ไง โลกทัศน์ คนเราเกิดมามีหัวใจมา หัวใจ ภวาสวะ นั่นน่ะฐีติจิต ฐีติจิตขึ้นมา เกิดมาเกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม เวลาทำคุณงามความดีไปเกิดเป็นเทวดา เป็นอินทร์ เป็นพรหม นั่นน่ะกายทิพย์ นั่นน่ะหัวใจล้วนๆ เลย แต่มันทิพย์สมบัติๆ เพราะทิพย์ด้วยกันเขาเห็นด้วยกัน
แต่ของเราเวลาเราเกิดมา เราเกิดมาเป็นมนุษย์ มนุษย์มีธาตุ ๔ และขันธ์ ๕ ธาตุ ๔ ธาตุ ๔ ก็ร่างกายนี้ไง สิ่งที่เป็นวัตถุนี่ไง ถ้าสิ่งที่เป็นวัตถุขึ้นมา ถ้าเราเกิดมาแล้ว ถ้าสุขภาพกายที่แข็งแรงและสุขภาพจิตที่ดีงาม สุขภาพจิตที่ดีงามนะ มันเห็นสิ่งที่เป็นคุณงามความดีที่มันละเอียดลึกซึ้งจนโลกมองเห็นไม่ได้ไง
การเสียสละ ทางจิตวิทยา ทางด้วยคุณธรรม มันเห็นได้ด้วยคนที่มีอำนาจวาสนา คนที่มีกำลังช่วยคนที่อ่อนแอกว่า เขาชื่นชม สุภาพบุรุษคอยดูผู้ที่อ่อนแอกว่า แล้วคนที่มีจิตใจให้ธรรมเป็นทานๆ ในพระพุทธศาสนาพูดมากเหลือเกิน ให้ธรรมเป็นทาน สิ่งที่สูงสุด ให้ธรรมเป็นทาน
ธรรมเป็นทาน ธรรมมันเป็นอย่างไร อะไรเป็นธรรม
เวลาหลวงตาท่านสอนนะ ความดีความชั่ว คุณธรรม คิดดีคิดชั่ว สิ่งความถูกต้องดีงามนั่นน่ะธรรม สิ่งที่ศีล สมาธิ ปัญญา นั่นน่ะธรรม สิ่งที่ธรรมๆ เราสอนให้คนพยายามเผยแผ่ ให้คนรักษาตัวเองได้ ให้คนพ้นจากความทุกข์ที่บีบคั้นในหัวใจได้ ให้คนที่มีสติปัญญาค้นคว้ากลับเข้าไปหาใจของตนได้
ถ้าค้นคว้าหาใจของตนได้ จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะๆ ที่บอกว่าใจมันเป็นอะไรๆ ที่โลกรู้ไม่ได้ โลกที่รู้ไม่ได้ เขามีการศึกษาอย่างนั้น เขาศึกษาทางโลกๆ ไง พยายามจะค้นคว้าพยายามจะพิสูจน์จะให้มันเป็นรูปธรรมขึ้นมา
สิ่งที่เป็นรูปธรรมขึ้นมา ก็จิตของตน ถ้ามีสติ มีสมาธิ มีปัญญาขึ้นมามันจะเห็นใจของตน พอเห็นใจของตน นี่สุขภาพจิตที่เข้มแข็งที่ดีงาม
ถ้าสุขภาพจิตที่เข้มแข็งที่ดีงามนะ เวลาภาวนาเข้าไป มันจะเจริญงอกงามขึ้นไป บุคคล ๔ คู่ โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผล อรหัตตมรรค อรหัตตผล โอ้โฮ! มันพัฒนาขึ้นไปนะ เข้มแข็งเพราะอะไร เพราะมันเป็นสติ มหาสติ สติอัตโนมัติ
คนที่มีมหาสติ สติควบคุมดูแลรักษาหัวใจได้ขนาดนั้น คนที่คอยคัดแยก คัดแยกสิ่งที่อารมณ์ที่กระทบๆ ไง คนที่ยังไม่ได้ฝึกฝนขึ้นมาเลยก็ไม่เข้าใจคำว่า “อายตนะๆ” อายตนะสิ่งที่กระทบไง
สิ่งที่กระทบ แล้วเราปฏิบัติด้วยวิทยาศาสตร์ใช่ไหม เราก็ศึกษาเลย อสุภะ สิ่งตรงข้ามผิดหมด ทุกอย่างผิดหมดเลย แล้วก็พยายามจะตัดตอนให้มันไม่มี...เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้
นี่ไง กายกับใจๆ ไง เพราะธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ รูป รส กลิ่น เสียงอันวิจิตรไม่ใช่กิเลส สิ่งที่ดีงามในโลกนี้ไม่ใช่กิเลส สิ่งที่เป็นสุภะสวยงามก็ไม่ใช่กิเลส ตัณหาความทะยานอยากของคนต่างหากที่ไปยึดเหนี่ยวเป็นจิ้งจกตุ๊กแกที่จะไปยึดว่าเป็นของเราๆ อันนั้นต่างหากเป็นกิเลส
เวลาถ้ามันมีสติมีปัญญาเข้าไปมันจะไปรู้ไปเห็นของมันเลย รูป รส กลิ่น เสียง สิ่งอันวิจิตรต่างๆ มันเป็นกิเลสตรงไหน
แต่พวกนักปฏิบัตินะ อสุภะๆ อสุภะไม่ได้
เวลาหลวงตาท่านพิจารณาของท่านไปน่ะ พิจารณาอสุภะจนมันหายหมดเลย มันว่างหมดเลย แล้วบอก อย่างนี้มันก็สิ้นกิเลสน่ะสิ
แต่เวลาท่านบอก ไม่เอา มันไม่มีเหตุผล นี่ไง มันไม่มีขณะไง พอไม่มีขณะขึ้นมามันก็ไม่นิโรธ ไม่มีการหลุดพ้นไง ไม่เอา ไม่เอาขึ้นมาก็ไปเอาสิ่งที่ดีงาม สวยงาม สิ่งที่พอใจ เอามาแนบไว้กับใจน่ะ
สามวันแรกนะ โอ้โฮ! มันดิ้นรนของมันน่ะ ไม่มีๆ ว่างหมดเลย หลุดพ้นแล้วๆ เวลามันถึงที่สุด เวลาเข้าไปถึงจิตใต้สำนึกของมันนะ มันแสดงตัว มันแสดงตัว ขยับตัว นี่ไง ไหนว่าไม่มีไง ไหนว่าไม่มี นี่ไง สุภะๆ ไง
ความจริงถ้าเราศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ศึกษาในการท่องจำในปัจจุบันนี้ไง สิ่งตรงข้ามทางการแพทย์ พวกไวรัส พวกเชื้อโรคต่างๆ เป็นสิ่งที่ไม่ดีๆๆ ทั้งนั้น ไม่ดีแล้วร่างกายของเรามันก็สร้างของมันขึ้นมาเอง ติดเชื้อๆ ติดเชื้อจากร่างกายของตัวเองทั้งสิ้น
เวลาติดเชื้อ นี่มันมาจากไหนล่ะ
มันมา บอก ไม่มีๆ ไม่เอา
วิทยาศาสตร์แก้กิเลสไม่ได้ มันไปสร้างเป็นเฉพาะกลุ่มไว้ แล้วก็สร้างภาพว่าเป็นอย่างนั้น แล้วก็บอกไม่มีขณะ เข้าใจหมดแล้ว บรรลุธรรม...มันไม่เป็นความจริงหรอก
สุขภาพจิตที่แข็งแรงไม่เชื่อเรื่องอย่างนี้ สุขภาพจิตที่แข็งแรงนะ เราทุกข์เรายาก เรามีความหงอย ความเหงา ความอาลัยอาวรณ์ นี่กิเลสที่ละเอียด แค่อาลัยอาวรณ์ ความเบื่อหน่าย นี่ก็กิเลส
ไม่ต้องทุกข์จนมันบีบคั้นจนเราแบกรับไม่ไหว แค่เสื่อมสภาพมันก็ทนไม่ได้ของมันอยู่แล้ว ถ้าทนไม่ได้ของมัน แล้วมันรักษาอย่างไร มันจะดูแลอย่างไร
ถ้ามันดูแลอย่างไร ทำความสงบของใจเข้ามา ต้องทำความสงบใจเข้ามา ถ้าใจเราสงบแล้วมีมาตรฐานมีหลักการขึ้นมาแล้วมันจะจับของมัน ถ้าจับของมันได้ เราพิจารณาของมัน เวลาปัญญามันเกิด เวลาปัญญามันเกิดมันต้องเป็นปัญญาของเรานะ
สิ่งที่ศึกษามาเป็นสัญญาๆ สัญญาคือความจำได้หมายรู้ หมายถึงว่า เรากู้เงินเขามา เอ็งกู้เขามา เอ็งต้องเสียทั้งดอกเบี้ยทั้งต้นทั้งดอกทั้งนั้นน่ะ แต่ถ้าเป็นเงินของเรา เราแสวงหาของเรา ถ้าเป็นปัญญา เป็นปัญญาของเรา
ศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารื้อสัตว์ขนสัตว์เป็นแนวทาง ชี้แนวทางให้เรา เราศึกษามาศึกษาเป็นแนวทาง ทรงจำธรรมวินัยไว้ นี่เป็นแผนที่เครื่องดำเนินของเรา แต่เวลาทำจริงๆ ขึ้นมาก็ต้องทำจริงของเราทุกคน
กิเลสมันกิเลสของเรา ความทุกข์เป็นความทุกข์ของเรา ใครจะมาแก้ไขเรา เจ็บไข้ได้ป่วย ไปหาหมอ หมอรักษาให้หายได้ แต่เวลาเป็นโรคกิเลส โรคกิเลสเราต้องใช้ศีล สมาธิ ปัญญา ต้องใช้มรรคใช้ผลในหัวใจของเราแก้ไของเราเอง แต่ก็อาศัยหมู่คณะ อาศัยบัณฑิต อาศัย อเสวนา จ พาลานํปณฺฑิตานญฺจ เสวนา เราจะคบแต่บัณฑิต คบแต่ผู้ที่ปฏิบัติ คบแต่คนที่แสวงหาสัจจะความจริง เราไม่คบคนที่พาไปอีลุ่ยฉุยแฉก
ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุดนะ สุดท้ายแล้วต้องตายแน่นอน แล้วเวลาตายขึ้นมา ชาตินี้มันได้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหน ชาตินี้ได้เกิดเป็นมนุษย์ไง การเกิดเป็นมนุษย์เป็นอริยทรัพย์ การเกิดเป็นมนุษย์เพราะเป็นคุณสมบัติของเรา มีมนุษย์สมบัติเราถึงได้เกิดเป็นมนุษย์
จิตมีมหาศาล เหมือนฝนตกเลย ฝนตกแต่ละเม็ดฝนๆ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเม็ดไหนเป็นเรา แล้วฝนตกมา ฝนตกลงมาน้ำเจิ่งนองไปหมดเลย จิตวิญญาณที่รอเกิดมหาศาล จะเกิดๆๆ น่ะ แล้วเราได้เกิดเป็นมนุษย์นี้มีคุณค่าไหม แล้วก็จะตายเปล่า ตายไปด้วยแค่การเกิดเป็นมนุษย์เป็นวิทยาศาสตร์
แต่การเกิดเป็นมนุษย์นะ เกิดมาเพื่อสร้างคุณงามความดี การสร้างคุณงามความดีเป็นพระโพธิสัตว์ๆ พระโพธิสัตว์สร้างคุณงามความดี พันธุกรรมของจิตตัดแต่งให้มันดีงามขึ้นมาแล้ว ถ้ามันตัดแต่งขึ้นมาดีขึ้นไป ถ้ามันเห็นคุณงามความดี เราศึกษา บ่มเพาะมัน ฟังธรรมๆ ตอกย้ำมันๆ ถ้ามันตอกย้ำมาในหัวใจแล้ว นี่สุขภาพจิตๆ ไง
สุขภาพจิตที่ดีงามขึ้นไปมันมีแต่คุณงามความดีของมันในหัวใจขึ้นมา ถ้ามีคุณงามความดีขึ้นมา มันอยู่ในถ้ำ ในบ้าน นอกบ้าน อยู่ที่ไหนมันก็คิดดี ถ้าสุขภาพจิตมันเลวทราม มันอยู่บนหอคอยงาช้างมันก็ติดเลวทราม นี่ไง เราปรับแต่งคุณภาพจิตของเราๆ ไง
ถ้าสุขภาพจิตที่ดีงาม สุขภาพจิตที่ดีงามแล้วโลกเขาจะติเตียน มันต้องมือใครยาวสาวได้สาวเอาอย่างเราต่างหากถึงจะเป็นยอดคน ไอ้คนที่เห็นน้ำใจคนอื่น ไอ้คนนั้นไอ้คนจนตรอก มันทำไว้เพื่อคนยกย่อง นี่เวลาคิด คิดกันอย่างนั้นน่ะ
ความดี ความดีเราทำเพื่อเรา ไม่ต้องให้ใครมายกย่องสรรเสริญทั้งสิ้น เวลาครูบาอาจารย์ของเรานะ ท่านประพฤติปฏิบัติ ปิดทองหลังพระๆ
เวลาปฏิบัติน่ะ หลวงตาท่านบอกท่านภาวนาให้คนเห็นไม่ได้ เดินจงกรมต้องเข้าไปเดินจงกรมในป่า นั่งสมาธิภาวนาให้คนเห็นไม่ได้ จนคนเขาสงสัยว่า ลูกศิษย์หลวงปู่มั่นไม่เห็นภาวนาอะไรเลย
แต่ไอ้พวกที่ภาวนาเป็นฉาก ภาวนาเป็นละคร ภาวนาเพื่ออวดเขา ไอ้นั่นก็เดินจงกรมโชว์เขา เดินจงกรมโชว์เขา เอาหุ่นยนต์มาทำก็ได้ ปั้นหุ่นยนต์สวยๆ ไว้ตัวหนึ่ง แล้วให้มันภาวนาแทน นี่ไง กิเลสมันเกาะกินในหัวใจทั้งสิ้น
แต่เรามาเพื่อจะดัดแปลงจะแก้ไขมันไง เราปิดทองหลังพระๆ ทำความดีเพื่อความดี เวลาปฏิบัติก็ปฏิบัติเพื่อหัวใจของเรา เวลาถ้ามันสงบระงับเข้ามา หัวใจเราสงบระงับเข้ามาเอง
ใจเรามันมีปัญญานะ ถ้าจิตมันสงบแล้วมันจะคิดเรื่องอะไรก็แล้วแต่ มันคิดด้วยสัมมาสมาธิ มันเกิดปัญญาที่เพริศแพร้ว ปัญญาที่เข้าใจชีวิต ถ้าจิตมันสงบแล้วนะ เวลาปัญญามันเกิด ความคิดมันเกิด มันเป็นคุณงามความดีนะ นี่ธรรม
สุขภาพจิตที่ดี เวลามันคิดสิ่งใดมันคิดแต่เรื่องดีงาม มันเห็นแล้วมันเห็นคุณค่าไง มันเป็นเช่นนี้เอง เวลาถ้ามันเป็นเช่นนี้เอง มันเสื่อมสภาพ มันแปรสภาพ มันเป็นเช่นนี้เอง แก่เฒ่ามันก็เป็นเช่นนี้เอง ไม่ใช่กลัวแก่ กลัวแก่ กลัวเฒ่า กลัวการพลัดพราก
ไอ้พลัดพรากนี่ของจริง ไอ้แก่ชราภาพน่ะของจริง แล้วถ้ามันมีสติปัญญา พอมันแก่เฒ่ามันชราภาพไง นี่ไง มันเป็นเช่นนั้นเอง สัจธรรมเป็นแบบนี้ ถ้ามีสติมีปัญญา ทุกข์ร้อนไหม สุขภาพจิตที่แข็งแรง สุขภาพจิตที่ดีงาม ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ แล้วจะประพฤติปฏิบัติจนถึงที่สุดแห่งทุกข์
ครูบาอาจารย์ของเรานะ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น เวลาหลวงปู่เสาร์ ประวัติหลวงปู่เสาร์ เวลาท่านจะนิพพาน ท่านข้ามไปพระตะบองไปหาบ้านเกิดอุปัชฌาย์ท่าน นี่การลาวัฏฏะไง
หลวงปู่มั่น เวลาหลวงตาท่านบอกว่าเอาไปถึงวัดป่าสุทธาวาส ท่านลืมตาขึ้นมาแล้วก็มอง อ๋อ! นี่กุฏิเราเอง เขาสร้างกุฏิของท่านไว้ที่วัดป่าสุทธาวาส
ลืมตาขึ้นมามอง ลาวัฏฏะ ลาโลกนี้แล้ว แล้วก็หลับตาลง สิ้นชีวิตไป ครูบาอาจารย์ของเราท่านลาวัฏฏะ มันเป็นอย่างนี้แหละ
แต่ของเรา อยากจะมั่ง อยากจะมี อยากจะยึด อยากจะครอง สุขภาพจิตอ่อนแอ
สุขภาพจิตที่แข็งแรงนะ มันพึ่งตัวมันเองได้ มันเป็นอิสระ แล้วมันมีความสุขของมัน นี้ไงให้ธรรมเป็นทาน ธรรมเป็นทานไง
วันนี้วันพระ เรามาสร้างคุณงามความดีของเรา จะมากจะน้อยขึ้นมาก็ทำคุณงามความดีของเรา มันจะชักทางไปทางที่เลวทราม เราไม่เอาไปกับมัน แล้วฝืนมันไปอย่างนั้น ทำให้ชีวิตเรามีคุณค่า มีคุณค่าสำหรับสติปัญญาของเรา ไม่ต้องไปมีคุณค่ากับคนอื่น
คนอื่นเขาไม่เห็นคุณค่ากับเราหรอก ไม่มีใครเห็นคนอื่นดีกว่าคนคนนั้น แล้วเราก็ไม่มีใครเห็นคนอื่นดีกว่าเราไปทั้งสิ้น เราจะสร้างคุณงามความดีของเรา ทำคุณงามความดีของเรา ใครจะคิดใครจะว่าอย่างไรมันเรื่องของเขา เราจะพัฒนาชีวิตของเราให้ดีขึ้น ดีงามขึ้น ให้จิตใจของเรามีอำนาจวาสนา มันมีสติปัญญาขึ้นมา มันจะสร้างคุณงามความดีเพื่อใจดวงนี้ แล้วเอาใจดวงนี้พ้นจากการครอบงำของอวิชชา เอวัง